ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก : เรอัล มาดริด - ลิเวอร์พูล

สนาม : NSK Olimpijs'kyj (Kyiv (Kiev))

ผลบอลสด Live Score ผลบอล

คาริม เบนเซม่า 51'

G. Bale 64'

G. Bale 83'

3-1

ซาดิโอ มาเน่ 55'

ซาดิโอ มาเน่ 82'

รูปภาพ เรอัล มาดริด - ลิเวอร์พูล

ข้อมูลบ้านผลบอล เรอัล มาดริด - ลิเวอร์พูล

เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ จบลงไปแล้วตั้งแต่กว่าสัปดาห์ก่อน ทว่าถึงตอนนี้ควันหลงร้อน ๆ อาจจะกลายเป็นประเด็นน่าสนใจขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีคำยืนยันจากแพทย์ว่า ลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตู ลิเวอร์พูล ได้รับบาดเจ็บสมองกระทบกระเทือนในระหว่างลงเล่นในเกมนี้ และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ เคียฟ


เกมฟุตบอลระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ปีนี้เป็นการพบกันระหว่างสองทีมที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ เรอัล มาดริด พบกับ ลิเวอร์พูล

ทั้งสองทีมจัดตัวผู้เล่นชุดที่น่าจะดีที่สุด แชมป์เก่า เรอัล มาดริด เลือกใช้ อิสโก้ ลงประสานงานกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซม่า ในแดนหน้า ส่วน ลิเวอร์พูล มี 3 ประสาน โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ เดินเกมรุก

เกมในช่วงเริ่มต้น ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายไล่กดดันและครองบอลบุกเข้าทำได้เหนือกว่าค่อนข้างชัดเจน ขณะที่ เรอัล มาดริด เหมือนจะยังตั้งเกมไม่ได้

ทว่าถึงนาทีที่ 30 ลิเวอร์พูล ก็ต้องเสีย โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่เจ็บหัวไหล่จากการปะทะกับ เซร์คิโอ รามอส ล้มลงเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวออกให้ อดัม ลัลลาน่า ลงเล่นแทน

แต่จากนั้นไม่กี่นาที เรอัล มาดริด ก็ต้องเปลี่ยนตัว ดานี่ การ์บาฆาล แบ็กตัวเก่งออกเช่นกันจากการได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า

อย่างไรก็ตาม การเสีย ซาล่าห์ ไปเหมือนจะส่งผลต่อเกมของ ลิเวอร์พูล ชัดเจน และทำให้ เรอัล มาดริด เริ่มมีโอกาสทำเกมใส่ ลิเวอร์พูล มากขึ้นด้วย รวมถึงเกือบจะได้ประตูจากลูกยิงของ เบนเซม่า ที่ส่งบอลเข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้า

จบครึ่งแรกยังไม่มีสกอร์ เสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังแฟนบอลทั่วโลกก็ได้เห็นการยิงประตูเกิดขึ้นจนได้ นาที 51 เรอัล มาดริด ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 1-0 จากจังหวะที่ ลอริส คาริอุส ปล่อยบอลไปติดเท้าของ คาริม เบนเซม่า กระดอนเข้าประตูไป


แต่หลังจากนั้นไม่นาน นาที 55 ลิเวอร์พูล ไล่ตามตีเสมอ เรอัล มาดริด เป็น 1-1 จากลูกยิงจ่อ ๆ โดย ซาดิโอ มาเน่

จุดเปลี่ยนที่แท้จริงในเกมนี้เกิดขึ้นเมื่อ ซีเนอดีน ซีดาน เปลี่ยนตัว แกเร็ธ เบล ลงมาเล่นแทน อิสโก้ ในนาที 61 เพราะแค่หลังจากนั้น 3 นาที เบล ก็โชว์ยิงจักรยานอากาศสุดสวยให้ เรอัล มาดริด ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 2-1 

หลังจากนั้น เรอัล มาดริด เริ่มโชว์ให้เห็นความเก๋าเกม เล่นครองบอลและคุมจังหวะไม่ให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสทำอะไรได้ถนัดอีก 

จนกระทั่งนาที 83 เรอัล มาดริด ก็มาได้ประตูปิดเกมจากลูกยิงไกลของ แกเร็ธ เบล ไปตรงตัว คาริอุส แต่นายประตู ลิเวอร์พูล รับไม่ดี ซองแตกปล่อยบอลเข้าประตูไปเป็น 3-1

จบเกม เรอัล มาดริด เอาชนะ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน และนับเป็นสมัยที่ 13 ในประวัติศาสตร์สโมสร

ข้อมูลก่อนเกม

ค่ำคืนวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้ แฟนบอลทั่วโลกคงพร้อมเพรียงกันเฝ้าติดตามการแข่งขันที่ โอลิมเปียสกี้ กรุงเคียฟ กับเกมฟุตบอลระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ซึ่งปีนี้เป็นการพบกันระหว่างสองทีมที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ เรอัล มาดริด พบกับ ลิเวอร์พูล

เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากสเปน เจ้าของสถิติแชมป์สูงสุด 12 สมัยจากสเปน ตั้งเป้าจะคว้าชัยชนะในเกมชิงชนะเลิศเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ ลิเวอร์พูล แชมป์ 5 สมัยจากอังกฤษ ต้องการกลับมาครองถ้วยให้ได้อีกครั้งนับตั้งแต่เคยทำได้หนหลังสุดเมื่อปี 2005

สถิติที่การพบกันที่ผ่านมา

เกมวันเสาร์นี้จะเป็นการพบกับครั้งที่ 6 ของทั้งสองทีม และเป็นรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1981 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เจอกัน และ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเฉือนชนะ เรอัล มาดริด 1-0 จาก อลัน เคนเนดี้ พร้อมกับคว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 3 และนั่นคือครั้งเดียวที่ทีมจากอังกฤษชนะทีมจากสเปนได้ในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก

จากนั้นทั้งสองทีมมาเจอกันอีกใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 2008-09 ซึ่ง ลิเวอร์พูล เอาชนะได้แบบไปกลับ สกอร์รวม 2 นัด 5-0

แต่หนล่าสุดเป็นการเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม ฤดุกาล 2014-15 เป็น เรอัล มาดริด ที่เอาชนะได้บ้าง และจัดการ ลิเวอร์พูล ได้ทั้งเหย้าและเยือน 1-0 และ 3-0

สถิติน่าสนใจ 

- เรอัล มาดริด และ ลิเวอร์พูล เป็นทีมจอมถล่มประตูในฤดูกาล ยิงใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมกันไป 70 ลูก (ลิเวอร์พูล 40, เรอัล มาดริด 30)

- เกมนี้เป็นนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยยุโรปครั้งที่ 31 ของ เรอัล มาดริด โดยนับเฉพาะ แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาเข้าชิงมาแล้ว 15 ครั้ง ได้แชมป์ 12 ครั้ง

- ลิเวอร์พูล จะลงเล่นเกมนี้เป็นนัดชิงฟุตบอลยุโรปหนที่ 20 นับเฉพาะ แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาเข้าชิงมาแล้ว 7 ครั้ง ได้แชมป์ไป 5 ครั้ง

- เรอัล มาดริด มีผู้เล่น 14 คนที่เคยเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศมาแล้ว ส่วน ลิเวอร์พูล ไม่มีเลย

- โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ เคยลงเล่นกับ เรอัล มาดริด มาแล้ว 2 นัดตอนอยู่กับ โรม่า และยังยิงประตูไม่ได้เลย ขณะที่ทั้งสองเกมนั้น เรอัล มาดริด ก็เป็นฝ่ายชนะ 

- ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยเล่นกับ ลิเวอร์พูล มา 11 นัด ยิงได้ 3 ประตู

ผลงานที่เจอกันล่าสุด

วันที่รายการทีมVSทีม
16 มี.ค. 66 ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เรอัล มาดริด 1 - 0 ลิเวอร์พูล
22 ก.พ. 66 ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ลิเวอร์พูล 2 - 5 เรอัล มาดริด
29 พ.ค. 65 ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ลิเวอร์พูล 0 - 1 เรอัล มาดริด
15 เม.ย. 64 ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ลิเวอร์พูล 0 - 0 เรอัล มาดริด
7 เม.ย. 64 ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เรอัล มาดริด 3 - 1 ลิเวอร์พูล

ผลงาน 5 นัดล่าสุด

วันที่รายการทีมVSทีม
27 เม.ย. 67 ลา ลีกา เรอัล โซเซียดาด 0 - 1 เรอัล มาดริด
22 เม.ย. 67 ลา ลีกา เรอัล มาดริด 3 - 2 บาร์เซโลน่า
13 เม.ย. 67 ลา ลีกา เรอัล มายอร์ก้า 0 - 1 เรอัล มาดริด
10 เม.ย. 67 ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เรอัล มาดริด 3 - 3 แมนซิตี้
1 เม.ย. 67 ลา ลีกา เรอัล มาดริด 2 - 0 แอธ บิลเบา
วันที่รายการทีมVSทีม
27 เม.ย. 67 พรีเมียร์ลีก เวสต์แฮม 2 - 2 ลิเวอร์พูล
25 เม.ย. 67 พรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน 2 - 0 ลิเวอร์พูล
21 เม.ย. 67 พรีเมียร์ลีก ฟูแล่ม 1 - 3 ลิเวอร์พูล
19 เม.ย. 67 ยูฟ่า ยูโรปา ลีก อตาลันต้า 0 - 1 ลิเวอร์พูล
14 เม.ย. 67 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 0 - 1 คริสตัล พาเลซ

สถิติ

เรอัล มาดริด ลิเวอร์พูล

โอกาสยิงประตู

14 13

ยิงเข้ากรอบ

5 2

ยิงไม่เข้ากรอบ

8 7

ถูกบล๊อค

3 8

ยิงจากในกรอบเขตโทษ

11 9

ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ

3 4

ผ่านบอล

649 328

ผ่านบอลสำเร็จ

577 248

เปอร์เซ็นต์ผ่านบอลสำเร็จ

89 76

สร้างโอกาสบุก

98 76

โอกาสบุกที่สร้างความอันตราย

72 56
เรอัล มาดริด ลิเวอร์พูล

เปอร์เซ็นต์การครองบอล

65 35

ทำฟาวล์

5 18

เตะมุม

9 5

ล้ำหน้า

7 3

ใบเหลือง

1

ใบแดง

0 0

ป้องกันประตู

1 2

จำนวนการเปลี่ยนตัว

3 2

ลูกเตะจากประตู

3 8

ฟรีคิก

20 11

ทุ่มบอล

19 16

รายชื่อผู้เล่น

เรอัล มาดริด
4-3-1-2
ตัวจริง

G1K. Navas

D2ดาเนี่ยล การ์บาฆาล

D5ราฟาเอล วาราน

D4เซร์คิโอ รามอส

D12มาร์เซโล่

M10ลูก้า โมดริช

M14กาเซมิโร่

M8โทนี่ โครส

M22อิสโก้

F9คาริม เบนเซม่า

F7คริสเตียโน่ โรนัลโด้

สำรอง

G13Kiko Casilla

D6นาโช่

D15T. Hernández

M23มาเตโอ โควาซิช

M17ลูคัส บาซเกซ

M20มาร์โก้ อาเซนซิโอ้

F11G. Bale

เปลี่ยนตัว

อิสโก้ | G. Bale

ดาเนี่ยล การ์บาฆาล | Nacho

คาริม เบนเซม่า | M. Asensio

ลิเวอร์พูล
4-3-3
ตัวจริง

G1ลอริส คาริอุส

D66เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

D6เดยัน ลอฟเรน

D4เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค

D26แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

M5จอร์โจ้ ไวจ์นัลดุม

M14จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

M7เจมส์ มิลเนอร์

F11โมฮาเหม็ด ซาล่าห์

F9โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่

F19ซาดิโอ มาเน่

สำรอง

G22S. Mignolet

D17R. Klavan

D2นาธาเนียล ไคลน์

D18อัลแบร์โต้ โมเรโน่

M23เอ็มเร่ ชาน

M20อดัม ลัลลาน่า

F29โดมินิก โซลันกี้

เปลี่ยนตัว

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ | A. Lallana

เจมส์ มิลเนอร์ | E. Can